UFABETWINS ผมไม่เห็น อากิระ นิชิโนะ พูดถึงการตัดสินของกรรมการเรื่อง VAR เลย
UFABETWINS พยายามดูจากบทสัมภาษณ์ก็ไม่เห็น มั่นใจว่านักข่าวต้องถามแน่นอนในห้องแถลงข่าวแต่เขาคงเลือกที่จะไม่พูด
การที่เขาไม่พูดนั้นเราไม่รู้ว่าเขาคิดอย่างไร เห็นด้วย ไม่เห็นด้วย ยอมรับ ไม่ยอมรับ เขาอาจเบื่อที่จะพูด หรือเพราะพูดไปก็ไม่มีประโยชน์..
เราไม่รู้หรอกครับ แต่ที่แน่ๆ คือเขาไม่ขอพูดถึง
กระนั้นในความเข้าใจของผม ผมคิดว่ามันเป็นเพราะเขาเข้าใจถึงสิ่งที่เกิดขึ้นและยอมรับกติกา
คำว่ายอมรับกติกานั้นเป็นคำที่ง่ายมาก แต่ทำยากในชีวิตจริง โดยเฉพาะเมื่อเรารู้สึกว่าเราคือฝ่ายที่ถูกกระทำ
เรื่อง VAR จุดโทษในเกมกับซาอุดิอาระเบียเมื่อวานนี้นั้นชัดเจนครับ เรารู้สึกว่าเราคือฝ่ายที่ถูกกระทำ
ไม่ยุติธรรม โกง ทำงานกันเป็นทีมเพื่อแกล้งเรา ตั้งใจเปลี่ยนคำตัดสินเพื่อให้เราตกรอบ แค่เห็นทีมงานกรรมการมาจากตะวันออกกลางทั้งหมดก็รู้แล้ว..
ในจำนวนข้อหาที่เราสงสัย ผมเห็นคล้อยตามเพียงข้อเดียวคือทีมงานกรรมการที่ไม่ควรมาจากภูมิภาคเดียวกับหนึ่งในทีมคู่เตะ
มันค่อนข้างขัดกับความรู้สึกพื้นฐาน กระนั้นถามว่ามีระบุไว้ในกฎระเบียบหรือข้อบังคับชัดเจนไหมมันก็ไม่ เหมือนกับว่าเป็นเพียงแนวทางปฏิบัติเท่านั้น
ที่แนวทางปฏิบัติเป็นอย่างนั้นไม่ใช่เพราะกลัวการเข้าข้างอะไรหรอกครับ แต่เป็นการตัดปัญหาที่จะตามมาอย่างพวกคำครหาทั้งหลายต่างหาก
เพราะการวางกรรมการจากภูมิภาคเดียวกันลงทำหน้าที่นั้นจะทำให้การทำงานของกรรมการยากกว่าเดิม การตัดสินทุกจังหวะจะถูกจับจ้องเกินไปว่าตัดสินเข้าข้างพวกเดียวกันไหม
มันไม่ใช่สภาวะปลอดโปร่งที่เหมาะสมต่อการทำงานของกรรมการ เพราะฉะนั้นเรื่องนี้ผมมองว่าเป็นความบกพร่องของสมาพันธ์ฟุตบอลแห่งเอเชียที่ทำให้การทำงานของมิสเตอร์อาบู บาการ์กรรมการชาวโอมานและทีมงาน VAR ในเกมนี้ยากขึ้นและถูกเพ่งเล็งมากขึ้นโดยใช่เหตุ
ไม่เกี่ยวกับการตัดสินเข้าข้างพวกเดียวกัน เพราะถ้าเรามองว่าทีมงานกรรมการทั้งหมดในทัวร์นาเม้นต์นี้คือคนที่ผ่านเกณฑ์มาตรฐานของเอเอฟซี เป็นกรรมการระดับฟีฟ่า เราก็ควรจะต้องมั่นใจในมาตรฐานของเขา
ส่วนให้ฟาวล์ง่าย ให้ฟาวล์ยาก หรือชอบปล่อยเกมไหล ก็เป็นมาตรฐานของผู้ตัดสินแต่ละคนซึ่งไม่ว่าจะเป็นสไตล์ไหนพวกเขาเหล่านั้นก็ผ่านมาตรฐานของการเป็นผู้ตัดสินฟีฟ่าอยู่แล้ว เหมือนเราทำข้อสอบได้ 73 คะแนน เพื่อนได้ 85 คะแนน มันก็คือสอบผ่านเหมือนกันทำนองนั้น
ขณะที่ส่วนอื่นๆ ที่เหลือ ผมคิดว่ามันอยู่ในกติกาทั้งหมด
ชอบหรือไม่ชอบ เห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย อยู่ที่เราพร้อมถกกันอย่างสร้างสรรค์และยอมรับมันไหม
แน่นอนครับมันมีความคิดเห็นที่รุนแรง ไม่เข้าใจ ไม่พร้อมจะรับฟังเหตุผลใดๆ ทั้งสิ้นด้วยความรู้สึกแรงกล้าว่าเราคือคนที่ถูกกระทำ เราโดนโกง กรรมการตัดสินแย่ ตั้งแง่กับเราทั้งเกม
อันนั้นเข้าใจได้ เพราะทีมใคร ใครก็รัก ความฝันของใคร ใครก็หวง
เพียงแต่ผมไม่อยากให้เรามีบรรยากาศของการตราหน้าใครว่าโกง และยึดมั่นกับความรู้สึกนั้นอย่างรุนแรงจนเกินไปเพียงเพราะการตัดสินที่ไม่ค่อยเป็นใจให้กับเรา
ตัดเรื่องการเป็นเจ้าภาพไปเลยครับ ฟุตบอลระดับนานาชาติอย่างนี้อย่าไปหวังเรื่องการตัดสินเอียงนิดๆ ปล่อยหน่อยๆ ของกรรมการ มันไม่สง่างาม เราเป็นเจ้าภาพเราได้เปรียบหลายอย่างอยู่แล้ว แค่เสียงเชียร์ก็กินขาดเพราะทีมอื่นไม่ได้มีเสียงเชียร์ล้มหลามอย่างนี้
ตอนนี้เวลาล่วงผ่านมาสู่วันใหม่แล้ว อารมณ์คุกรุ่นทั้งหลายคงจะเริ่มตกตะกอนแล้ว ผมอยากให้เราลองมานั่งคิดและไตร่ตรองถึงสิ่งที่เกิดขึ้นอีกครั้งว่าเรายังมองมันด้วยความรู้สึกอย่างเดิมไหม และคิดว่าจะจัดการกับความรู้สึกนั้นอย่างไร
เอาแค่เรื่องกติกาก่อน
เราได้เรียนรู้อะไรจากเกมนี้ทราบไหมครับ
เราได้เรียนรู้สิ่งที่เราหลายคนไม่เคยรู้มาก่อนเลยในเรื่องการตัดสินหมวด “การดึง”
เพิ่งจะได้รู้นี่แหละว่าในหมวด “การดึง” ตำแหน่งที่เป่าฟาวล์นั้นเขาไม่ได้ดูที่จุดเริ่มดึง แต่ดูที่จุดปล่อยรั้งการดึง
แตกต่างจากการฟาวล์ประเภทอื่น เสียบขา แฮนด์บอล เตะสูง ที่ดูที่จุดปะทะ
จุดเกิดเหตุระหว่างการฟาวล์อื่นๆ กับการดึงจึงไม่เหมือนกัน
เสียบฟาวล์นอกเขตแล้วกองหน้าถลาล้มเข้าไปในเขต จุดเกิดเหตุอยู่นอกเขต
ดึงเสื้อจากนอกเขตแล้วยังดึงต่อเนื่องเข้าไปถึงในเขต จุดเกิดเหตุอยู่ในเขต
พิจารณาดูจากเหตุผลของกฎข้อนี้ผมว่ามันก็เหมาะสมดี คุณดึงเสื้อคู่แข่งไปตลอดทาง 10 เมตร คุณก็ต้องเสียฟาวล์ตรงจุดปล่อยมือ จะให้ย้อนกลับมาเสียฟาวล์ตรงจุดเริ่มต้นไม่เป็นการเอาเปรียบฝ่ายรุกมากไปหน่อยหรือ
มันตราไว้ในกติกานะครับ เป็นความชัดเจนของกฎ ส่วนจะมีมานานแค่ไหนแล้วและจะมีการเปลี่ยนแปลงในอนาคตหรือไม่นั้นไม่รู้เหมือนกัน แต่ผมชอบและเห็นด้วยกับแนวคิดของกฎนี้
กฎเรื่องดึงเสื้อ – การฟาวล์เกิดขึ้น ณ จุดที่ฝ่ายดึงปล่อยมือ.. พื้นฐานความรู้ของพวกเราเวลานี้เท่ากันแล้วนะครับ เหมือนที่เรารู้เท่ากันว่าลูกบอลโดนฝ่ายไหนออกหลังฝ่ายนั้นเสียลูกเตะมุมนั่นแหละ ใครจะเห็นด้วยไม่เห็นด้วยอย่างไรก็แล้วแต่มุมมอง แต่ที่แน่ๆ มันอยู่ในกฎกติการ้อยพันของเกมฟุตบอล
มีคำถามว่าถ้าอย่างนั้นคนที่ถูกดึงพยายามลากตัวเองเข้าไปล้มในเขตโทษก็ได้จุดโทษทุกครั้งน่ะสิ
คำตอบก็คือใช่ครับ มันเป็นจุดโทษได้ ง่ายๆ แค่นั้นล่ะ เพราะกติกาก็บอกอยู่ชัด เพียงแต่กรรมการแต่ละคนอาจใช้วิจารณญาณดูองค์ประกอบอื่นรอบๆ เหตุการณ์ด้วย
เรื่องต่อมาคือการใช้ VAR
ผมเคยเขียนเรื่องการใช้ VAR มาแล้วในช่วงที่ VAR ของฟุตบอลพรีเมียร์ลีกถูกวิจารณ์อย่างหนัก
การใช้ VAR ในเวลานี้ยังไม่มีกฎเกณฑ์ชัดเจนในเรื่องการดูจอมอนิเตอร์ของผู้ตัดสินในสนามนะครับ ลีกใหญ่อย่าง อิตาลี เยอรมัน สเปน ฝรั่งเศส ให้ผู้ตัดสินวิ่งออกไปดูได้แทบจะทุกกรณีเพราะมองว่าสุดท้ายแล้วเสียงนกหวีดในสนามใหญ่ที่สุดควรจะต้องมีส่วนรับรู้ทุกเหตุการณ์ไม่ว่าเล็กหรือใหญ่
หากพรีเมียร์ลีกนั้นให้ความสำคัญกับความไหลลื่นของเกม พวกเขาศึกษาการใช้ VAR ของทุกลีกทุกทัวร์นาเม้นต์แล้วเห็นว่าการวิ่งออกไปดูจอข้างสนามทำให้เสียเวลาไปโดยเฉลี่ยเกือบ 2 นาทีและบางเหตุการณ์ก็ไม่จำเป็นขนาดนั้น ฟุตบอลหญิงชิงแชมป์โลกที่ฝรั่งเศสเมื่อปีที่แล้วยิ่งหนักเพราะเสียเวลาเกินค่าเฉลี่ยไปอีก บางจังหวะใช้เวลาถึง 4-5 นาที
ถ้ามาตรฐานของผู้ตัดสินอยู่ในระดับพรีเมียร์ลีกเหมือนกันแล้ว การให้ทีม VAR ตัดสินจากหน้าจอได้เลยโดยไม่ต้องให้กรรมการในสนามเสียเวลาวิ่งไปดูจึงเป็นแนวทางที่ควรจะเป็น ส่วนการดูจอมอนิเตอร์ข้างสนามจะทำได้เพียงกรณีเดียวเท่านั้นคือเหตุการณ์สำคัญที่เกิดขึ้นลับหลังผู้ตัดสินในสนามหรือเหตุการณ์ที่ผู้ตัดสินในสนามมองไม่เห็น
แต่ละลีกก็มีเหตุผลการใช้งาน VAR ของตัวเอง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องตั้งอยู่บนพื้นฐานของการช่วยกรรมการตัดสินในเหตุการณ์สำคัญๆ แค่ ใบแดง จุดโทษ การไล่ออกผิดคน ล้ำหน้า เท่านั้น ไม่ลงลึกยิบย่อยไปถึงทุกการตัดสิน
คำตัดสินในเกมฟุตบอลแบ่งได้ใหญ่ๆ เป็น 2 ประเภท
1. คำตัดสินที่เป็นดุลพินิจ เช่น ฟาวล์หรือไม่ฟาวล์
2. คำตัดสินที่เป็นข้อเท็จจริง เช่น ไลน์ล้ำหน้า ไลน์เขตโทษ ไลน์ข้างสนาม ไลน์เส้นประตู
ทุกรายการทุกลีก ทีม VAR ช่วยตัดสินในประเภทข้อเท็จจริง ส่วนประเภทดุลพินิจนั้นแล้วแต่
พรีเมียร์ลีกให้ช่วยกันปรึกษาในสนามแล้วตัดสินตรงนั้นเลย ลีกอื่นๆ ให้ช่วยกันปรึกษาในสนามก่อนเช่นกันแต่ส่วนใหญ่กรรมการจะวิ่งไปดูจอมอนิเตอร์เกือบทั้งหมดเพราะเมื่อไหร่ก็ตามที่มีการใช้ VAR มันหมายถึงจังหวะสำคัญเสมอ
ที่สำคัญซึ่งต้องใส่ดอกจันทร์เอาไว้ก็คือ VAR ก็ยังจะต้องพัฒนาการใช้งานมันต่อไป ยังไม่มีใครหรือลีกไหนบอกเลยว่าพอใจกับมันแล้วและจะไม่เปลี่ยนแปลงวิธีการใช้งานที่มีอยู่อีก
ทัวร์นาเม้นต์ยู-23 ชิงแชมป์เอเชียนี้ใช้หลักการคล้ายๆ กับพรีเมียร์ลีกครับ คือให้ผู้ตัดสินกับทีมงาน VAR คุยกันในสนามได้เลยและตัดสินไปเลยเพื่อความรวดเร็ว แต่ในบางจังหวะที่สรุปกันไม่ได้จริงๆ ก็อนุญาตให้วิ่งไปดูจอมอนิเตอร์ซึ่งผมคิดว่าเป็นวิธีการผสมผสานที่ถูกต้องแล้ว
จังหวะ VAR จุดโทษของเรานั้นชัดเจนจากท่าทางของมิสเตอร์อาบู บาการ์ ตอนที่เขาอธิบายนะครับ
เขาทำมือลักษณะดึง นั่นหมายความว่าเราเสียฟาวล์จากการดึง ไม่ใช่จังหวะแหย่เท้าสกัด
เขาเป่าฟาวล์นอกเขตโทษเพราะมองว่าการดึงสิ้นสุดนอกเขตโทษ แต่ทีม VAR เช็กจากมุมกล้องแล้วเชื่อว่าการดึงไปสิ้นสุดในเขตโทษ จึงเปลี่ยนคำตัดสินเป็นจุดโทษ
นั่นคือที่มาที่ไป
เรื่องในเขตหรือนอกเขตมันเป็นกรณีข้อเท็จจริงไม่ใช่ดุลพินิจ เพราะฉะนั้นต่อให้มุมกล้องดูยากแต่เขาก็ต้องพยายามหามุมมองที่ชัดเจนที่สุดให้ได้
ปัญหาก็คือเทคโนโลยีเวลานี้ยังไม่ได้พัฒนาไปถึงขั้นจับไลน์การฟาวล์ในเขต/นอกเขต หรือไลน์ล้ำหน้าได้เป๊ะๆ มันจึงเป็นจุดที่มีการถกเถียงกันกว้างขวางว่าในเมื่อเวลานี้เรายังไม่มีเทคโนโลยีทันสมัยขนาดนั้นก็ยังไม่ควรตีเส้นวัดเป็นมิลลิเมตรอย่างที่พรีเมียร์ลีกนำมาใช้ก่อนไหม ถ้าจะเอาข้อเท็จจริงชัดเจนขนาดนั้นรอให้มีอุปกรณ์ครบครันก่อนดีกว่าหรือเปล่า
หากสำหรับตอนนี้ก็ต้องถือว่ามันอยู่ในกติกานะครับ อยู่ในกติกาทั้งหมดเลย ทั้งเรื่องการทำฟาวล์ด้วยการดึง และการใช้ VAR พิจารณาถึงจุดเกิดเหตุว่าปล่อยมือในเขตหรือนอกเขตโทษ
นิชิโนะอาจจะไม่พูดถึงเรื่องนี้ด้วยเหตุผลอะไรที่เขาไม่บอก แต่สิ่งที่เขาแสดงออกให้เห็นคือการยอมรับในกติกา ไม่ตีโพยตีพายโทษทุกคนที่ขวางหน้า รู้จักทีมของตัวเองและยอมรับความสามารถของคู่แข่ง
เขาพูดถึงประสบการณ์ของเด็กๆ พูดถึงรูปเกมที่ทำได้ดีในช่วง 20 นาทีแรก พูดถึงคุณภาพของทิตาวีร์ อักษรศรีและจุดที่เด็กคนนี้ต้องพัฒนาอย่างการขึ้นเกมและการครองบอล ย้ำถึงการทำงานที่ควรจะเป็นของทีมชาติ ทีมชุดนี้ควรให้มีเกมใหญ่ได้ลับแข้งมากกว่านี้ และวางรากฐานให้ทีมชุดอายุน้อยกว่านี้อย่างเป็นระบบ
พูดถึงการทำงานที่เตรียมวางแผนร่วมกับทีมงานถึงภารกิจคัดบอลโลกที่รออยู่ และไม่ลืมที่จะให้กำลังใจลูกทีมทุกคนว่าจงท้าทายตัวเอง พัฒนาตัวเอง มั่นใจในตัวเองเมื่อต้องลงแข่งกับทีมที่ดีกว่า พวกคุณทำได้ดีแล้วและจะเติบโตขึ้น
สุดท้ายแล้วเขาก็มองข้ามเราไปอีกขั้นเหมือนเดิม แสดงให้เห็นถึงมาตรฐานทางความคิดที่ไปไกลกว่าเราเหมือนเดิม เพราะในขณะที่เราโวยวายถึงกลโกงและการตัดสินของกรรมการ เขาแสดงอาการยอมรับว่ามันอยู่บนพื้นฐานของกติกาทุกอย่าง
กรรมการก็คน ทีม VAR ก็คน คำตัดสินก็ไม่ได้น่าเกลียดทุเรศอะไรขนาดนั้น วันนี้เราเสียประโยชน์ แต่ไม่มีทางที่เราจะเสียประโยชน์ตลอดไป ที่สำคัญคือมันอยู่ในกติกา ไม่ใช่เรื่องนอกกติกา
เราจะจมปลักอยู่กับเรื่องแค่นี้ไม่ได้ และแทนที่เราจะจมอยู่ในวังวนแห่งความเกลียดชัง โยนความผิดให้ผู้ถือกติกา ทำไมเราไม่นำมันมาศึกษา ทำไมเราไม่ถามตัวเองว่าเราเองหรือเปล่าที่ผิดพลาดและพลาดตรงไหนบ้าง ทำไมเราไม่เรียนรู้เพื่อก้าวข้ามมันไป ทำไมต้องโยนทุกอย่างให้กับความไม่ชอบธรรมที่เรามั่นใจเหลือเกินว่ามันต้องมีอยู่จริง
มันเป็นกระบวนการและขั้นตอนของการเรียนรู้ ผมคิดว่าหลังจบเกมกับซาอุฯ นิชิโนะที่มีวิญญาณความเป็นอาจารย์อยู่ในตัวสูงลิบคงจะเรียกลูกทีมมากำชับและทำความเข้าใจร่วมกันถึงจังหวะดึงนั้นอีกครั้ง เด็กๆ อาจจะรู้กฎนี้ดีอยู่แล้วก็ได้แต่มีการกำชับจากคนเป็นโค้ชอีกรอบย่อมดียิ่งกว่า และเขายังน่าจะให้คำแนะนำอะไรเพิ่มเติมเด็กๆ ของเขาอีกหลายอย่าง
ตัวนักเตะเองก็ได้เรียนรู้จากคำแนะนำเหล่านั้น ได้ถูกกำชับถึงความละเอียดในการเล่นว่าตัวเองพลาดตรงไหน ความทุ่มเทตั้งใจแย่งบอลคืนเป็นเรื่องดี แต่ต้องควบคุมสมาธิอ่านจังหวะของเกมให้ละเอียดอีกนิดว่าจังหวะนั้นมีเพื่อนอีก 2 คนซ้อนอยู่ ทีมไม่ได้อยู่ในสถานการณ์เสียเปรียบขนาดต้องเล่นด้วยความเสี่ยงไม่ว่าจะดึงหรือเสียบสกัดในพื้นที่ใกล้ๆ เขตโทษ
ทุกความพ่ายแพ้มีบทเรียนเสมอ บทเรียนใหญ่ บทเรียนเล็ก บทเรียนสำหรับนักกีฬา บทเรียนสำหรับผู้ฝึกสอน กระทั่งบทเรียนสำหรับพวกเราเองที่เป็นคนดูและกองเชียร์
ใช่ครับ ในความพ่ายแพ้ครั้งนี้ อยากให้เราทำความเข้าใจ เรียนรู้ และ Move on – ก้าวต่อไป – ซึ่งถ้าดูกันจริงๆ เราได้เรียนรู้เยอะมาก มันจะมีประโยชน์กับพัฒนาการของตัวเราเอง เป็นวิธีที่ดีกว่าการคร่ำครวญโทษการตัดสินเหมือนไม่ยอมรับกติกา
เป็นกำลังใจให้นักฟุตบอลของเราทุกคนในการเรียนรู้ครั้งนี้ครับ ยืนยันอีกครั้งว่าพวกคุณคือความภูมิใจ เรามีความสุข คุณยังจะต้องเติบโตขึ้นอีกและเป็นตัวเลือกที่ดีของทีมชาติในอนาคต เราจะยังยืนเคียงข้างพวกคุณ
อ่านข่าวอื่นๆที่ >>> UFABETWINS
หน้าแรก >>> https://www.airdolomitivirtual.com